กำแพง หมายเลข 5

ผมเบิร์ดสแกนหุ้น วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องกำแพง ที่มาจากประสบการณ์ในชีวิตส่วนตัวเท่านั้น 

ไม่ได้ถูกหรือผิด 100% เป็นส่วนหนึ่งที่แบ่งปันจากประสบการณ์ และเราเลือกเองว่า 

เราจะอยู่ที่ด่านไหน เพื่อที่จะมีความสุขในแบบของเรา 

.

ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ว่าจะอยู่ในด่านไหน สิ่งสำคัญ คือ ความมีความสุข
ในการใช้ชีวิต และต้องรักตนเองให้มากเป็นแรงกระตุ้น และรักคนอื่นหรือครอบครัว
ให้มากเช่นกัน เพื่อเป็นแรงผลักดันในเวลาที่เราเหนื่อย เพื่อจะได้มีแรงบันดาลใจที่จะไปต่อ 

.

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มที่กำแพงแรกกันเลยครับ

.

  1. กำแพง 5 หมื่น : เป็นกำแพงด่านแรกที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอมากที่สุด รู้สึกท้าทายมากที่สุด เพราะมันมีโอกาสที่จะเป็นได้มากที่สุด
    .

นั่นคือ มีรายได้ 5 หมื่นบาท ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือว่าผู้ใหญ่วัยทำงาน 

การมีรายได้ 5 หมื่น มันคือความเป็นไปได้ที่จะมีรายได้เพียงพอให้ชีวิตมีความสุขได้แล้ว
.
การตั้งใจพยายาม เรียนรู้ในงานที่ทำ ฝึกฝนหมั่นเพียร และทำซ้ำ ก็จะมีโอกาสสร้างรายได้ให้ไปถึงจุดนั้นได้ เพื่อให้ชีวิตมีความสุข ความสบาย ไปพร้อมกับการใช้ชีวิตด้วยความสุขแบบที่เป็น

.

  1. กำแพง 5 แสน : เป็นกำแพงด่านที่จะเพิ่มความยากมากยิ่งขึ้น เพราะกำแพงนี้จะอาศัยเพียงความพยายามด่านแรกไม่ได้
    .
    การจะมีรายได้ 5 แสน จำเป็นต้องมีความเพียรและความพยายามที่มากขึ้นไปอีก เพื่อให้เกิดความชำนาญและเชี่ยวชาญในงานที่สร้างรายได้นั้นๆ
    .
    ต้องทำให้ตัวเรามีความสำคัญในงานนั้นๆ เป็นอย่างมาก จนหาคนมาแทนที่เราได้ยาก ต้องมีอัตลักษณ์พิเศษของตนเองให้จดจำเป็นลายเซ็นต์ของเราเองในงานที่เราทำ ต้องแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ 

.

  1. กำแพง 5 ล้าน : เป็นด่านที่หินมากๆ และอาจจะมากสุดก็ได้ เพราะหากเราเคยพยายามฝ่าฟันมาตั้งแต่ด่านแรก 

.

เมื่อมาถึงด่านนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในการดำเนินชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะการจะผ่านด่านนี้ไปได้ ความรู้ ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญ ไม่พอ ต้องมีวินัยที่มากสุดๆ 

.

เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งจึงจะผ่านไปได้ การมีวินัยในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบสูงมากๆ ต่อเนื่องนี่แหละ คือ ความกดดันที่หนักมาก ที่เราจะต้องเจอในด่านนี้ จนต้องยอมเสียสละเวลาและความสุขเดิมๆ ที่เราเคยมี 

.

เพื่อให้สิ่งที่เราทำใหม่นี้เป็นการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ และจิตใจที่แข็งแกร่งพอที่จะมีรายได้ระดับนี้ เพราะมันจะมาพร้อมความมรับผิดชอบที่มหาศาล 

เงินจะอยู่กับคนที่มีความสามารถรักษามันได้” 

.

  1. กำแพง 50 ล้าน : หลายคนมักจะพังทลายลงก่อนผ่านด่านนี้ เพราะยังทำแบบเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง พร้อมกับความมั่นใจที่มากเกินไป 

.

เมื่อผ่านด่านก่อนหน้านี้มาได้ การมาถึงด่านนี้หลายคนมีโอกาสมั่นใจตนเองสูงกับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น จึงประมาท ขาดความชั่งใจ และเสียวินัยของชีวิต คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เอาอยู่ ผิดพลาดก็ไม่เป็นไร มีเงินอยู่มากพลาดใหม่ได้ หยวนๆ เริ่มผ่อนวินัยในตอนสร้างตัว 

.

โดยลืมไปว่า เมื่อเงินลงทุนเยอะ เมื่อผิดพลาด ก็เสียหายเยอะเช่นกัน และตัวเลขความเสียหายนั้นอาจจะขยายเป็นวงกว้างมากเกินกว่าที่ตนเองคาดการณ์ไว้ และเกินจะรับไหว ทำให้เสียความมั่นใจและยิ่งทำสิ่งที่ผิดพลาดมากขึ้น 

.

อีกทั้งเมื่อเคยทำมาเองตั้งแต่แรกได้ แต่เมื่อมีได้มากขึ้นมาก ควรมีการวางรากฐานวางระบบให้ดี หลายคนไม่ได้ทำสิ่งนี้ ทำให้เมื่อเกิดความสั่นไหว การจะพังทลายลงก็ง่ายเช่นกัน 

.

  1. กำแพง 500 ล้าน : เป็นด่านที่มาถึงได้ยาก แต่ถ้าหากมาถึงแล้วจะเป็นจุดที่อำนาจในการเลือกจะมาอยู่ที่เรา เราเองเป็นฝ่ายเลือกว่า จะเลือกใช้เวลากับสิ่งใด จะเลือกไปต่อให้มีมากขึ้นหรือเลือกที่จะรักษาคงอยู่ไว้ 

.

เพื่อใช้ชีวิตเบาสบายและมีความสุขกับตอนนี้เลย ด่านนี้เน้นไปที่การยืนระยะเอาไว้ รักษาสิ่งที่มีอยู่อย่าให้หมดไป และหาโอกาสต่อยอดได้มากมาย ทางเลือกที่จะลงทุนต่อยอดเพื่อรับผลตอบแทนก็จะหลากหลาย มี Passive Income ก็ได้ จะเติม Active Income ก็ไม่ยาก
.
แต่ที่ต้องระวัง คือ ภาษีสังคม หากลุ่มหลงมัวเมากับระดับที่สูงขึ้น จนภาษีสังคมสูงมากจนเกินตัว อาจจะทำให้รายได้น้อยกว่ารายจ่ายได้มาก และหากเจอสภาวะไม่สมดุล จนขาดสภาพคล่อง จะ

#อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ
#เงินอยู่ในหัวจะกลัวอะไร
#เบิร์ดสแกนหุ้น