เมื่อยังเป็นนักลงทุนมือใหม่…ในตลาดทุน

#ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเริ่มต้นผม “เบิร์ด” เป็นแค่ “ นักลงทุนมือใหม่คนหนึ่งในตลาดทุน ” 
ที่ไม่ได้มีลูกศิษย์มากมายอย่างทุกวันนี้ 
.
การเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราก็ยังจะเป็นมือใหม่กับสิ่งนั้น ซึ่งการพยายามทำสิ่งใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ 
ไม่ง่ายนัก ถือเป็นเรื่องปกติ 
การทำสิ่งใหม่ย่อมต้องใช้ความตั้งใจพยายามอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นสิ่งที่ได้ผลตอบแทนมาก ยิ่งต้องพยายามมากขึ้นไป การลงทุนในตลาดทุนก็เช่นกัน เมื่อเข้ามาในตลาดทุนแล้วอยากเรียนรู้ต้องใช้ความพยายาม ต้องตั้งใจเรียนรู้ ทบทวน และฝึกฝนต่อเนื่อง 
หากรอบแรกศึกษาไม่เข้าใจ ก็ต้องทบทวนให้มากขึ้น หากรอบสองยังเก็บได้ไม่หมด ก็ต้องทบทวนอีกครั้ง ยิ่งศึกษายิ่งทบทวนเราจะเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งขัดเกลายิ่งลงมือยิ่งทำซ้ำจะยิ่งพัฒนามากขึ้นไปอีก 
แต่คนส่วนใหญ่เมื่อฟังไม่เข้าใจในรอบแรก มักใช้คำว่า ” #มือใหม่ ” มาเป็นข้ออ้างในความไม่พยายาม 
ทุกคนต้องเคยเป็นมือใหม่เหมือนกันทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พอยากหน่อย ก็อ้างว่าเป็นมือใหม่แล้วหยุด คนที่พยายามต่อไป พยายามเข้าใจ จึงอยู่รอด และสำเร็จ 
.
ผมที่เข้าใจหลายๆอย่างในตลาดทุนมากขึ้นแล้ว ก็เป็นเพียงนักลงทุนคนหนึ่งในตลาดทุน นำความรู้
ที่สะสมมาใช้จนเกิดระบบ  Bird Theory เมื่อตลาดเกิดสัญญาณอะไร จากระบบเทรด Bird Theory 
เราก็เทรดได้เต็มที่ไม่มีความรู้อะไร ไร้ใจโดยสมบูรณ์ 
เมื่อตลาดขึ้น  เราก็จัดได้เต็มที่สนุกไปกับคนในตลาด ตลาดหน้าลงมา เราก็จัดหนักซัดขาลงได้อย่างสบายใจ 
ทำตามระบบเทรด Bird Theory อย่างไร้ใจ หากำไรแบบไม่ต้องแคร์อะไรให้มากมาย 
#แต่ตอนนี้หลายอย่างนั้นเปลี่ยนไป …… 
.
เมื่อเป็น เบิร์ด สแกนหุ้น ที่มีลูกศิษย์ที่เป็นดั่งครอบครัว อีกทั้ง คนติดตามอ่านแนวคิดการลงทุนในเพจสแกนหุ้น . ทำให้การลงทุนไม่ได้คิดแต่เพียงตัวเราเองอีกแล้ว แต่นึกถึงกัลยาณมิตรหลายๆ คน และครอบครัว SIT CLASS 
แม้เห็นสัญญาณขาลงจากระบบเทรดชัดมากขนาดไหน แต่จะให้บอกแบบไม่แคร์ใครว่าตลาดจะร่วงลงหนักแน่ ก็กลัวคนที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการวางแผนจะตื่นตระหนกตกใจ กลายเป็นอ่านแล้วหวาดกลัวตลาดทุนไป
เห็นแนวโน้มขาลงชัดเจนมากแค่ไหน แต่จะบอกให้เน้นเทขาย เน้นเปิด Short ตลาดซ้ำลงไป ให้กินขาลงกำไรอย่างเต็มที่ ก็ลำบากไม่สะดวกใจ เพราะตลาดเทย่อมมีคนติดดอย ไม่ได้ CutLoss แต่ต้น ไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ว่าต้องทำอย่างไร 
ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดมายิ่งรู้สึกอยากช่วยเหลือและเห็นใจ เพราะเค้ายังมีความรู้ไม่มากพอ และอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้เรียนรู้ระบบเทรด Bird Theory อีกจำนวนมาก ทำให้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรในตลาดขาลง 
#สิ่งที่คิดและทำได้ก็เตือนให้ระวังให้ใจเย็นและเตือนสติกัน ให้แนวรับ ให้รู้ว่า ควรระวังที่จุดไหน หลุดแนวรับนี้จะลงไปอีกได้เท่าไหร่ เพื่อที่จะได้ประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ หากไม่ได้สต็อปลอส 
หรืออยากจะยื้อ จะยื้อได้แค่ไหน ไหวหรือเปล่า 
ตลาดหุ้นมีช่วงเวลาที่ ง่าย ยาก และน่าเบื่อ วนเวียนเป็นวัฏจักร แบบนี้หมุนเวียนไปเรื่อยๆ หากเข้ามาในช่วงตลาดดีก็มีโอกาสกำไรง่าย หากเข้ามาในช่วงตลาด sideway ก็จะน่าเบื่อ หากเข้ามาในช่วงตลาดแย่ก็จะต้องเจอช่วงที่ยาก 
.
เมื่อเราเลือกจะอยู่ในทุกช่วงเวลาให้ได้เพื่อรอ จังหวะและโอกาสของเรา หากเข้ามาตอนยาก 
ก็ต้องอดทนรอ หาความรู้เพื่อรอคว้าจังหวะที่ตลาดง่ายกลับคืนมา 
#ผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ 
อย่างตอนช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ที่เราอาจจะเห็นตลาดหุ้นเทแดง ไม่รู้จะลงทุนสินค้าอะไร ??? . หากเรามีความรู้ระบบเทรด Bird Theory เราจะรู้ว่ามี ดอลล่าร์ที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นมาเรื่อยๆ จาก 33.50 มา 35 กว่าแล้ว 
หากเราเลือกลงทุนดอลลาร์จะได้กำไรได้ไม่ยากในตลาดตอนนี้  ผมจึงเลือกเล่นดอลล่าร์ในตอนนี้ 
ตามที่บอกในไลฟ์ไว้เมื่อ 26/6/66 ที่ผ่านมา 
เพราะผมไม่อยากไปดัก Short มองลงกับตลาดหุ้น และต้องอยากให้ตลาดหุ้นเท จะได้มีกำไรเยอะๆ เพราะก็จะมีคนที่จะขาดทุนเยอะเช่นกัน ผมในวันนี้ไม่สบายใจที่จะให้เกิดเรื่องแบบนั้นในตอนนี้ 
ผมจึงเลือกไปเล่นดอลล่าร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับใคร และทำให้ผมสบายใจในการลงทุนมากกว่า นี่คือทางที่ผมเลือกแล้ว เลือกที่จะดูแลกัลยาณมิตร ดูแลลูกศิษย์ SIT CLASS ดูแลครอบครัวของผม ดูแลครอบครัวของเรา 
#มีอะไรอยากเล่าอยากระบายบอกผมได้เลยครับ #ผมยินดีที่จะรับฟังและอยู่เคียงข้างคุณครับ 
เอาไว้ มีสัญญาณซื้อชัดๆ แบบปลอดภัยจริงๆ ผมจะมาตะโกนดังๆ บอกทุกคนแน่นอนครับ 
แค่รอสัญญาณการกลับตัวก่อนค่อยเล่นก็ทัน จังหวะเด้งท่ายากไม่จำเป็นต้องเล่นก็ได้ 
ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ต่ำครับ 
 
.
 
 #ถึงเวลาผมจะมาบอกทุกคน #ผมจะมาช่วยทุกคนที่เป็นกัลยาณมิตรที่คิดดีกับอย่างแน่นอน 
.
#ผมสัญญาครับ 
#อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ
#เงินอยู่ในหัวจะกลัวอะไร
#เบิร์ดสแกนหุ้น