การวางกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ระหว่าง คนเทรดหุ้น และ คนเทรดฟิวเจอร์
.
ในการลงทุนการวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสินค้าที่เราหากำไรเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการลงทุน
หรือการเทรด กับสินค้านั้นนั้น ส่งผลให้เรามีโอกาสที่จะได้กำไรจากการวางแผนการเลือกเล่นสินค้านั้นมากยิ่งขึ้น
.
แต่โดยที่ว่า คนในตลาดส่วนใหญ่ ยังคงไม่มีความรู้ หรือยังมีความรู้ไม่มากพอ ในเรื่องของการเทรดฟิวเจอร์ ว่ามันคือสินค้าประเภทไหน ซึ่งส่งผลให้เกิดเกิดความไม่เข้าใจในการวางแผนเพื่อหากำไรจากสินค้าฟิวเจอร์นั้น เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
คนส่วนใหญ่ในตลาดทุน จะรู้จักการหากำไรในหุ้นมากกว่าฟิวเจอร์ เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่า และศึกษาทำความเข้าใจได้ง่ายกว่านั่นเอง
.
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากเราต้องการจะอยู่อยู่รอดในตลาดทุน การหาความรู้เพื่อหาโอกาสกำไรในสินค้าที่ตลาดทุนมีให้เราเลือกได้ มันสำคัญมากๆ คุณจะได้รู้ว่าในสภาวะตลาดแบบไหน ควรเลือกที่จะลงทุนหรือเล่นในสินค้าประเภทไหนมากกว่ากัน
และจุดประสงค์ของการลงทุนก็แตกต่างกันไปด้วย
.
เราจะมาว่ากันในเรื่องของการลงทุนในหุ้นหรือเทรดหุ้นก่อน
.
การเล่นหุ้นนั้น เราหากำไรได้แค่ทางเดียวเท่านั้น คือแนวโน้มการขึ้น หรือซื้อถูกไปขายแพง หรือซื้อแพงไปขายแพงกว่า ดังนั้นทำให้การเล่นหุ้น เราจึงเลือกได้แค่เล่นทางซื้อ (Buy/Long) เป็นหลัก เพื่อที่จะหาโอกาสเมื่อราคามันแพงมากขึ้นเราจะได้กำไร
สิ่งนี้เองทำให้คนส่วนใหญ่จะเลิกเล่นทางเดียวเท่านั้น คือการซื้อเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า ดังนั้นหากไม่มีความรู้เรื่องฟิวเจอร์มาก่อน ย่อมไม่เข้าใจการลงทุนหรือกลยุทธ์อีกแบบอย่างแน่นอน
.
เราจะมาว่าในเรื่องของการลงทุนหรือเทรดฟิวเจอร์กันบ้าง
.
ในการเล่นฟิวเจอร์นั้น หากจะพูดตรงตรงตามชื่อ ก็คือการเล่นกับแนวโน้มในอนาคต ว่าสินค้านั้นจะขึ้นหรือลง เราสามารถเลือกที่จะเล่นได้ทั้งสองทาง
.
ถ้าเราเล่นทางขึ้น หรือซื้อ แล้วราคาสูงมากขึ้นหรือแพงขึ้น เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้น
.
ถ้าเราเล่นทางลง หรือขาย แล้วราคาปรับตัวลงหรือถูกลง เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้นเช่นกัน
.
ดังนั้นแล้ว ในการวางกลยุทธ์สำหรับคนที่เทคฟิวเจอร์ จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนสองทางเอาไว้เสมอ เพราะเราหากำไรได้ทั้งทางขึ้นและทางลงนั่นเอง
.
กลยุทธ์ ของเราจึงต้องโฟกัสไปที่ว่า ในจังหวะที่เราเลือกจะเล่น การเลือกเล่นทางไหนได้เปรียบมากกว่ากัน โดยเราจะกำหนดจุดที่จะเล่นนั้น โดยการหา แนวรับและแนวต้าน เป็นพื้นฐานแบบง่ายง่ายสำหรับมือใหม่เอาไว้ศึกษา
.
โดยเราจะตั้งกฎแบบพื้นฐานเบสิคที่สุดว่า
หากราคาสินค้าอยู่ใกล้แนวรับ เราเน้นซื้อ Buy / Long
หากราคาสินค้าอยู่ใกล้แนวต้าน เราเน้นขาย Sell / Short
.
การวางกรอบแบบนี้ จะทำให้เราตัดสินใจในการเลือกเล่นได้ง่ายมากขึ้น เพราะว่าการเล่นฟิวเจอร์ สามารถเล่นได้ทั้งสองทางขึ้นและลง อาจจะส่งผลให้มือใหม่หรือมือสมัครเล่น เกิดความลังเลไม่มั่นใจ ในการเลือกหน้าเทรด และส่งผลให้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจจนพลาดขาดทุนได้
.
ดังนั้นคนที่เล่นสินค้าประเภทฟิวเจอร์ จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ มากกว่าคนเล่นหุ้นแบบทั่วไปในมุมมองของผม เ
พราะเราต้องตัดสินใจเป็นสองเท่า และเพิ่มกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากกว่า ในการตัดสินใจแต่ละครั้ง
.
ซึ่งผมสรุปในมุมมองส่วนตัวง่ายง่ายแบบนี้ว่า
.
การเล่นหุ้น วางแผนหน้าเดียว คือการซื้อ เราจึงต้องเน้นหาแนวรับที่แข็งแกร่ง และเลือกในสินค้าที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น เราจึงโฟกัสการเทรดหน้ากันอย่างเคยชิน และหากทำเช่นนี้จะทำให้การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
.
การเล่นฟิวเจอร์ ต้องวางแผนเอาไว้สองหน้าเสมอ เพื่อกำหนดว่า ที่ราคาไหนเราจะตัดสินใจซื้อ เพื่อหากำไรจากทางขึ้น และที่ราคาไหนเราจะตัดสินใจขาย เพื่อหากำไรจากทางลง นั่นเอง
.
ด้วยการวางกลยุทธ์ที่แตกต่างกันขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่มือใหม่ หรือคนที่ไม่มีความรู้ในสินค้าประเภทฟิวเจอร์ จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่ได้ศึกษานั่นเอง จึงนำความคิดความเชื่อของตนเองมาใช้ในสินค้าประเภทอื่น และสุดท้ายถ้าเข้ามาในตลาดที่เราไม่รู้ ย่อมไม่แปลกที่จะขาดทุน และยิ่งทำให้ขาดทุนซ้ำซ้อนเพราะขาดความรู้การศึกษา ส่งผลให้ในตลาดฟิวเจอร์ มือใหม่ที่เข้ามา ส่วนใหญ่แล้วจะขาดทุนมากกว่ากำไร และส่วนมากจะขาดทุนจนออกจากตลาดไปนั่นเอง
.
แต่คนที่อยู่รอดในตลาดฟิวเจอร์ เพราะมีการศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจ มีการวางกลยุทธ์อย่างชัดเจนสองหน้าเสมอ อีกทั้งด้วยการที่ราคาสามารถแกว่งขึ้นและแกว่งลงได้ ดังนั้นเมื่อผิดทาง จะแตกต่างจากการเล่นหุ้น ที่หลายหลายคนซื้อถัวไปเรื่อยเรื่อย และคาดหวังรอคอยอ้อนวอน ว่าราคาวันนึงจะกลับมาแล้วกำไร หรืออย่างน้อยขาดทุนลดลงเมื่อหมดใจ
.
แต่สำหรับคนที่เล่นฟิวเจอร์ การที่เราเทรดทิศทาง แปลว่าอีกทางจะถูกต้องและหากำไรได้ เราจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดจุดยอมแพ้ หรือที่เรียกว่า จุดสต็อป Loss เอาไว้ เพื่อจะได้สลับกับหน้าเทรดไปยังแนวโน้ม หรือน่าเทรดที่ถูกต้องนั่นเอง
.
เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นแล้ว มีโอกาสที่จะโดนลากขาดทุนจนหมดตัวได้ จากสินค้าประเภทฟิวเจอร์
.
แต่ทำไมสินค้าฟิวเจอร์วางกลยุทธ์ซับซ้อนกว่า และมีโอกาสที่จะขาดทุนมากกว่าการถัวหุ้นไปเรื่อยเรื่อย ทำไมยังมีคนพยายามเข้าตลาดนี้มากขึ้นเรื่อยเรื่อย
.
นั่นก็เพราะ สินค้าฟิวเจอร์
1. สามารถหากำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
2. มีสิ่งที่เรียกว่าตัวคูณเพื่อใช้เงินน้อยไปแลกเงินใหญ่
3. สินค้าฟิวเจอร์สร้างกระแสเงินสดได้ง่ายมากกว่า
4. เพิ่มโอกาสในการหากำไรได้ทุกสินค้าในโลก
5. คนที่มีความรู้จะมีโอกาสหากำไรจากคนรู้น้อยกว่าได้เสมอ ตัวจริงหรือมืออาชีพในตลาดนี้จึงศึกษาความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อหากำไรจากตลาดได้ตลอดไป
.
จะเห็นได้ว่า ทุกสินค้า มีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง อยู่ที่เราต้องทำความเข้าใจกับสินค้าประเภทนั้น และเข้าใจการวางที่ถูกต้องในสินค้าเหล่านั้น นั้นจะทำให้เรามีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยและกำไรมากขึ้น
.
ดังนั้นก็กลับไปเรื่องเดิม การศึกษาหาความรู้ และการรู้ให้จริง จึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆในตลาดทุนนี้ เพราะตลาดนี้กว้างใหญ่กว่าที่หลายหลายคนคาดคิดหนัก ไม่ใช่มีเพียงหุ้นอย่างเดียว แล้วก็ไม่ใช่มีเป็นฟิวเจอร์เท่านั้น ยังมีวิธีการหากำไรจากสินค้าในตลาดอีกหลากหลาย อยู่ที่เราศึกษาความรู้ และความสามารถมากพอ ที่จะหากำไรได้จากตลาดไหนนั่นเอง
.
ดังนั้นแล้ว หากคนที่ไม่มีความรู้ไม่มีความเข้าใจ เป็นมือใหม่ ในตลาดที่ไม่เคยรู้จัก จะไม่เข้าใจกลยุทธ์การวางแผน ของมืออาชีพอีกตลาดหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขาก็จะวิเคราะห์ตามความรู้ที่เขามีเท่านั้นเอง และเมื่อไหร่ที่เขาก้าวเข้ามาในตลาดที่ไม่มีความรู้ ก็จะกลายเป็นเหยื่อที่สูญเสียเงินให้กับตลาด กับคนที่มีความรู้มากกว่าตลอดไป
.
#ขาดทุนเกินราคาของความรู้กันไปเท่าไหร่แล้ว #เพราะราคาของความไม่รู้แพงกว่าเสมอ #รู้อะไรไม่สู้รู้งี้มาเรียนSITCLASS_SITTFEXนานแล้ว #ทำตามระบบเทรดBirdTheoryดีเสมอ #อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ ดูน้อยลง