เจ็บซ้ำเพราะทำผิดแบบเดิม — หยุดวงจรนี้ ก่อนพอร์ตพังซ้ำ!

กรณีศึกษาที่ต้องจดจำ เพราะมันเกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาดทุน
.
วันนี้ 23/4/68 ผมจะมาบอก มาเล่า มาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆในตลาดทุนได้เรียนรู้กัน เกี่ยวกับวัฎจักรของตลาดทุน และพฤติกรรมของนักลงทุนที่มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งหากใครรู้เท่าทัน และมีประสบการณ์ ก็จะรู้รอดปลอดภัย และมีโอกาสที่จะกำไรจากตลาดหุ้นด้วย
.
แต่ถ้าหากใครรู้ไม่ทัน และหลงไปตามเกมส์ของตลาด ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนและเกิดความเสียหายได้ ซึ่งจากในกรณีล่าสุดตอนนี้ สิ่งที่จะเห็นได้ชัดคือ ทองคำ
.
ในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้ ที่กำลังเกิดขึ้นกับทองคำ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับทุกสินทรัพย์ในโลก ตามวัฏจักรของ แต่ละสินค้าเท่านั้นเอง
.
ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใดในตลาดทุน เช่น หุ้น ดอลล่าร์ น้ำมัน คริปโต และทองคำ เป็นต้น ทุกสินค้าจะมีจุดเริ่มต้นและจุดจบคล้ายคลึงกันอยู่เสมอ อาจจะมีจุดแตกต่างไปเล็กน้อย ที่ต้องอาศัยประสบการณ์ และความรู้ในการวางแผนเพิ่มเติม เพื่อให้เราสามารถรอดปลอดภัย และมีโอกาสทำกำไรจากสินค้าพวกนี้ได้
.
วันนี้ 23/4/68 ผมขอยกตัวอย่างจากทองคำ XAUUSD เพื่อให้ทุกคนทำความเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ดังนี้
.
1. จุดเริ่มต้นไปหาจุดจบรอบ
เราต้องเข้าใจก่อนว่า ทุกสินค้าในโลกนี้การจะขึ้นได้ ย่อมต้องมีเจ้ามือ ซึ่งเจ้ามือนั้นจะเป็นใครก็ได้ เราเรียกรวมคนที่เป็นรายใหญ่ของสินค้านั้น ง่ายๆ ว่าเจ้ามือก็แล้วกัน เพื่อให้เห็นภาพของการลงทุน ทุกการกระทำในตลาดทุน มีคนซื้อย่อมมีคนขาย ดังนั้นหากมองเป็นการลงทุน เจ้ามือก็ต้องหาจุดเริ่มต้นเพื่อสะสมสินค้าที่เขาสนใจ และวางแผนการทำกำไรออกมาเป็นการจบรอบ ไม่มีใครหรอกที่ลงทุนเงินจำนวนมหาศาล โดยไม่มีการวางแผนใดใดทั้งสิ้น หากเข้าใจกฎข้อนี้แล้ว เราจะได้รู้เท่าทันตลาด ว่าราคาสินค้าที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วเกิดจากการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งสิ้น เราแค่ต้องหาโอกาสจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นให้ได้เท่านั้นเอง
.
2. ช่วงต้นรอบคนจะไม่อยากซื้อ
เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่ราคาดีที่สุดในการเข้าซื้อ มักจะจะเป็นจุดที่ราคาไม่น่าสนใจมากที่สุดเช่นกัน เพราะราคาดีที่สุดเปรียบแล้วก็เหมือนราคาที่ต่ำที่สุด นั่นเท่ากับว่า มันเคยเป็นแนวโน้มขาลงมาก่อน ทำให้หลายคนหวาดกลัวที่จะเข้าซื้อ แต่เมื่อเมื่อใดก็ตาม ที่มีเจ้ามือเข้าไปเก็บสะสม ย่อมมีโอกาสกับตัวขึ้นของราคาสินค้า ซึ่งเราอาจจะมองด้วยแนวโน้มราคา หรือกราฟเทคนิคคอลก็ได้ หรือหากเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ในจุดที่มีมีข่าวร้ายมากๆ ราคากลับไม่ลงไปต่อ นั่นแปลว่าต้องมีคนทยอยเก็บสะสมและยันซื้อราคาเอาไว้นั่นเอง จุดนี้เป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่เราเอาไว้สังเกตการณ์กับตัวก็ได้ แต่ถ้าหากอยากแม่นยำชัดเจนมากกว่านี้ก็ต้องศึกษาให้ลึกมากกว่าเดิมไปอีก เหมือนตอนที่ราคาทองคำพักตัวอยู่แถวประมาณ 2900 เหรียญถึง 3000 เหรียญ ช่วงเวลานั้นหลายๆ คนจะไม่สนใจ กว่าจะรู้ตัวอีกที ราคาก็ขึ้นมาแล้ว
.
3. ช่วงปลายรอบคนจะกลัวไม่ได้ซื้อ
ช่วงเวลาแบบนี้ ราคาจะขึ้นไปจนหลายคนเกิดความโลภ เริ่มคิดว่าถ้าเข้าตอนนั้นมาถึงตอนนี้จะได้เท่าไหร่ และมักจะกลัวว่าถ้าไม่ได้เข้าตอนนี้แล้วหากไปต่อจะเสียโอกาสอีกเท่าไหร่ ที่ตลกร้ายกว่านั้นก็คือ หลายคนเริ่มคิดว่า ถ้าเข้าไปได้ราคาแล้วรีบออกก็น่าจะทัน ซึ่งในช่วงแรกความโลภยังไม่มาก ได้นิดได้หน่อยก็รีบออก ก็รอดปลอดภัย แต่พอได้กำไรจำนวนเท่าเดิมซ้ำๆ ความพอใจของคนเราจะเริ่มไม่พอ แล้วจะอยากได้กำไรเพิ่มมากขึ้น ลงทุนเพิ่มขึ้น อยากได้เยอะขึ้น จนลืมไปว่าราคาขึ้นมาไกลจากแนวรับเท่าไหร่แล้ว กลับคิดว่าราคามาขนาดนี้แล้วมันไม่ลงง่ายๆ หรอก หากไม่ซื้อตอนนี้กลัวเสียดายที่ไม่ได้เล่น แต่ลืมไปว่าเมื่อประมาทพลาดขึ้นมาจะเสียใจขนาดไหน เหมือนที่ราคาทองคำขึ้นถึงประมาณ 3400 เหรียญถึง 3500 เหรียญ สังเกตว่าจุดนี้ผมจะไม่เข้าไปซื้อ และย้ำว่าไม่ใช่จังหวะลงทุนแล้ว แต่เป็นการเก็งกำไร ที่มีความเสี่ยงสูง แต่หลายคนก็เริ่มรู้สึกว่าเสียดายถ้าไม่ซื้อตอนนี้ หลายคนจะเริ่มโชว์กำไรจากทองคำจากการซื้อมากขึ้นและมากขึ้น ในจุดที่หลายหลายคนเริ่มโลกและคิดไปในทิศทางเดียวกันว่าราคาทองคำจะขึ้นต่อ จุดนี้แหละที่น่ากลัว
.
4. ทุกสินค้าสามารถวัดเป้าหมายขึ้นและลงของราคาได้
ส่วนตัวผมมีความเชื่อจากข้อหนึ่งว่า ทุกการลงทุนมีการวางแผนไว้เสมอ ดังนั้นหากเจ้ามือมีทุนอยู่ด้านล่างที่แนวรับ ผมก็เชื่อว่าเค้าต้องมีการวางแผนเพื่อที่จะขายด้านบนไว้อยู่แล้ว ผมจึงใช้แนวคิดนี้มาเปลี่ยนเป็นระบบเทรด Bird Theory เพื่อวัดเป้าหมายการจบรอบ หรือหาแนวต้านของสินค้า เพื่อที่เราจะได้ไม่ไปไล่ราคาซื้อที่แนวต้าน หากราคาผ่านแนวต้านไม่ได้เราจะได้รอดและปลอดภัย แต่ในทางกลับกัน ถ้าราคาผ่านแนวต้านนั้นได้ เราก็จะรู้ว่ามีโอกาสที่เค้าจะทำราคาไปหาเป้าถัดไปที่ตรงไหน เมื่อเราได้การเล่นที่ชัดเจนแบบนี้ ผสมผสานกับกลยุทธ์การลงทุน ก็จะทำให้เรารอดและปลอดภัยมากขึ้น เห็นโอกาสมากขึ้น และมีโอกาสทันเกมของเจ้ามือนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงวัดเป้าตามระบบเทรด แล้วมองว่าโซน 3500 เหรียญ เป็นโซนอันตรายเป้าหมายทำราคาจบรอบของเกมนี้ ผมจึงเน้นดักขายที่โซน 3500 เหรียญนั่นเอง
.
5. เมื่อจบรอบเขาก็ทิ้ง
เมื่อราคาสินค้าไปถึงเป้าหมาย การจะโดนเทขายแรงๆ หรือทิ้งตัวแรงๆ ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ และเคยเกิดขึ้นแล้วกับทุกสินค้า เราลองย้อนไปดูได้ ทองคำเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นเมื่อราคามาถึงเป้าหมายการจบรอบ แล้วราคาไปต่อไม่ได้ อีกทั้งมีแรงซื้อเข้ามามหาศาล แต่ผ่านแนวต้านไม่ได้ บวกกับข่าวดีที่มีในตลาด ก็ยังผ่านแนวต้านไม่ได้ จุดนี้เลยเป็นจุดล่อซื้อที่ดีที่สุด จากคนเชื่อในข่าว และวัดเป้าราคาสินค้าไม่เป็น เมื่อเข้าไปได้ราคาที่แนวต้าน โดยหวังว่าจะกินกรอบราคาสั้นๆ ออกมารอดได้เหมือนทุกที แต่เมื่อเป็นการจบรอบราคาจะไม่ใช่ค่อยๆ ลง แต่เป็นการเทพรวดจนหลายคนปรับกลยุทธ์เปลี่ยนแผนไม่ทัน นั้นทำให้ต้องติดราคาสินค้านั้นเอาไว้ และมีโอกาสที่จะขาดทุนมูลค่าที่มากกว่ากำไรที่เคยได้ เราจึงเห็นว่าเมื่อราคาไปทดสอบ 3500 เหรียญ ราคาไม่ใช่ค่อยๆ ลงมาทีละ 10 ถึง 20 เหรียญเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นการเทรดรวดเดียว 60 ถึง 100 เหรียญ ในระลอกแรก เพื่อให้คนติดสินค้านั้นเราออกไม่ได้ อีกทั้งจะทำให้เกิดแนวคิดที่จะมาถัวซื้อเพิ่ม เผื่อเด้งมามีกำไรจะได้ออกได้ จังหวะนี้แหละที่เจ้ามือจะขายได้อีกละลอก
.
6. ฝากให้เธอเลี้ยงดู
จังหวะที่สองนี้ จะเป็นจังหวะต่อเนื่องจากรอบแรกที่ราคาเทหนักๆ รอบนี้คนจะพยามหาเงินมาซื้อมาถัว หรือเอากำไรสะสมที่เคยได้มาซื้อเพิ่ม ดีไม่ดีไปเอาเงินเพิ่มจากที่ไม่เคยเอามาลงทุนมาเติมด้วยซ้ำ จังหวะนี้แหละที่เจ้ามือจะฝากอีกรอบได้ และจะฝากได้มูลค่ามหาศาลอาจจะมากกว่ารอบแรกด้วยซ้ำ รอบนี้เป็นจังหวะที่ทองคำเทหลุด 3400 เหรียญ เพราะจากที่เคยขึ้นไป 3500 เหรียญ ช่วงที่ผ่านมาทุกครั้งที่ย่ออย่างหนัก 60 เหรียญถึง 100 เหรียญ ราคาก็กลับขึ้นไปที่จุดเดิมได้อีกครั้ง และที่ผ่านมาทำราคาสูงสุดมากขึ้นอีกด้วย รอบนี้เมื่อราคาลงมามาที่ 3400 เหรียญ จึงเป็นจุดพักตัวที่ทำให้หลายคนเข้าไปสะสมซื้อเพิ่มเพื่อหวังว่าราคาจะเกิดแบบเดิมอีกครั้ง และเมื่อถึงจุดอิ่มตัว เจ้ามือก็ฝากของทั้งหมดไว้ แล้วเทลงไปที่แถวบริเวณ 3300 เหรียญ ณ ปัจจุบัน ที่ผมกำลังเขียนโพสต์ ณ ตอนนี้ 23/4/68 เวลา 15:00 น. นี่คือการฝากเลี้ยงของเจ้ามือ
.
7. จุดวัดใจ
สุดท้ายตอนนี้ เราก็จะเห็นการวิ่งของราคาทองคำ จากบริเวณ 2900 เหรียญ ขึ้นไปหาที่ 3500 เหรียญ เท่ากับว่าขึ้นมาประมาณ 600 เหรียญ ตอนนี้ย่อลงมาอยู่ที่ 3300 เหรียญ เท่ากับ ย่อลงมา จากราคาสูงสุด 200 เหรียญ เชื่อเหลือเกินว่าตอนนี้หลายคนก็ยังเชื่อ ว่าราคาทองคำจะกลับขึ้นไปที่ 3500 เหรียญอีกครั้ง ความเชื่อนี้ไม่ถือว่าผิด และเป็นไปได้ แต่คำถามคือ จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หรือเมื่อไหร่เท่านั้นเอง สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่า จากราคาที่เทลงมาในตอนนี้ จะมีเจ้ามือรายเดิม หรือรายใหม่ เข้ามาขับเคลื่อนราคาต่ออีกหรือไม่ ในขณะเดียวกัน จากคนที่รอแต่จะซื้อ แล้วตอนนี้ติดดอยอยู่ ก็พร้อมจะกระโดดร่มเทขายหากราคาสินค้ากลับขึ้นมา นั้นแปลว่าหากใครคิดจะดันราคากลับไปที่เดิม ก็ต้องพร้อมที่จะผ่านด่านแนวต้านของคนที่ติดดอยอีกมากมาย ดังนั้นถ้าไม่ลุยหนักจริงๆโอกาสกลับไปค่อนข้างยากมากขึ้นในเร็วๆ นี้ นอกจากว่า การที่พักตัวลงมาที่ 3300 เหรียญ สามารถเก็บของได้จำนวนมาก จนมีทุนเฉลี่ยต่ำ แล้วมีการคำนวณแล้วว่าหาก ดันราคาขึ้นไป จะสามารถรอดปลอดภัยและทะลุไฮเดิมมีกำไรได้ ซึ่งไม่ง่ายเหมือนรอบที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ฉะนั้นตอนนี้จึงได้แต่ลุ้นเท่านั้นเอง
.
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจักรอยู่สม่ำเสมอในตลาดทุน เป็นพฤติกรรมเรื่องจิตวิทยาการลงทุนที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่นักลงทุนที่อยากอยู่รอดตลาดจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ หรืออย่างน้อยมีหลักยึดที่ชัดเจน อย่างที่ผมมีระบบเทรด Bird Theory เป็นจุดหลักยึดนั่นเอง
.
บทความนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าหากใครได้อ่านและทำความเข้าใจ จะช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
.
#ขาดทุนเกินราคาของความรู้กันไปเท่าไหร่แล้ว #เพราะราคาของความไม่รู้แพงกว่าเสมอ #รู้อะไรไม่สู้รู้งี้มาเรียนSITCLASS_SITTFEXนานแล้ว #ทำตามระบบเทรดBirdTheoryดีเสมอ #อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ ดูน้อยลง