หลายคนอาจสงสัยว่า วางแผนเพื่อ “ไร้ใจ” คืออะไร ?
.
วันนี้ผมจะมาอธิบายว่าทำไมคำนี้ถึงเกิดขึ้น
และทำไมผมจึงใช้คำๆ นี้ในการบอกกับทุกคนนะครับ
.
หลายคนมีปัญหาเรื่องการถือหุ้น หรือสินค้าสถานะฟิวเจอร์ข้ามหยุดยาว เพราะความกลัว
ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร การลงทุนสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง คือ การเล่นในแผนที่รับความเสี่ยงได้ . ในเมื่อรับความเสี่ยง ในการถือข้ามวันหยุดยาวไม่ได้ก็ไม่ควรถือ หรือ ถือแค่เท่าที่รับความเสี่ยงได้ก็พอ ถือว่าดีแล้ว
.
อย่างตอนนี้ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2566 ตลาดหุ้นไทยหยุด 4 วัน ตั้งแต่
วันที่ 13 -16 เมษายน 2566 และกลับมาเปิดทำการอีกครั้งวันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 นี้
ซึ่งมีวันทำการ 2 วัน ที่ไทยหยุดแต่โลกยังทำการต่อ คือ 13 -14 เมษายน 2566 เรื่องนี้ทำให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นในวันที่ไทยหยุด 2 วันทำการนั้นได้
.
การที่หลายคนจะปิดสถานะฟิวเจอร์ที่มี หรือ ขายหุ้น ที่ทำให้รู้สึกว่ารับความเสี่ยงในการถือข้ามไม่ได้ หรืออาจจะเพราะเหตุผลที่กลัว ไม่มั่นใจ และหวั่นไหว จึงไม่กล้าถือข้ามวันหยุดยาว ก็ไม่ผิด ถือว่าเป็นการกระทำที่ดีแล้ว เราควรจะลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้
.
การจะถือข้ามวันหยุดยาว เราควร “ไร้ใจ” ให้ได้ เพื่อให้วันหยุดของเรา เป็นวันที่เราได้พักผ่อน ไม่ใช่วันที่เราต้องมาอึดอัดหวาดกลัว และทรมาน ว่าเมื่อไหร่ตลาดเราจะเปิดทำการสักที
.
ดังนั้นหากเราจะถือข้ามหยุดยาว เราควร “ไร้ใจ” ให้ได้ เพื่อที่จะให้เรา “ไร้ใจ” ได้ เราต้องมีทั้ง ความรู้ที่แท้จริง ความมั่นใจในระบบ และรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้
.
อย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ผมตั้งใจทำเป็นเคสให้เพื่อนผม ให้ลูกศิษย์ SIT CLASS ของผม
ได้เห็นการเทรดแบบ “ไร้ใจ” ในแบบของผม ผมใช้การสอนและการลงมือทำให้ดู
ผมทำเป็นตัวอย่าง และลงมือทำให้ดู ไม่ใช่แค่พูดและสอนปากเปล่า
.
เพราะการลงทุน การวิเคราะห์โดยไม่ได้เล่น การพูดโดยไม่ได้ลงมือเทรดจริงลงเงินจริง
การอธิบายโดยไม่ได้ลงมือทำมาก่อน มันคนละเรื่องเลยกับการลงเงินลงทุนเทรดจริงๆ
ความกดดันที่มันคนละระดับคนละเรื่องกัน และความเสียหายมันเกิดขึ้นได้จริงๆ
.
การวิเคราะห์ปากเปล่าไม่ได้ลงเงิน ผิดก็แค่ผิด ไม่ได้เสียเงินหรือขาดทุนจริงๆ เดี๋ยวก็พูดใหม่ได้ . แต่สิ่งที่ผมทำ คือ การสอนให้ชัดเจนใน SIT CLASS ว่าจุดไหนทำอะไร และ Mindset ที่ดี
มีอะไรบ้าง อีกทั้งผมลงมือทำจริงกับตลาด ลงเงินจริง ได้กำไรจริง ขาดทุนจริง ให้ได้เห็นว่า
การเทรดจริงๆ ตามระบบเป็นเช่นไร ผมทำแบบนี้ให้ลูกศิษย์หรือคนใกล้ตัวดูเสมอ
เพื่อความชัดเจน
.
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมได้บอกแผนคนใกล้ตัว และตีกราฟวางแผนให้ลูกศิษย์ SIT CLASS และใน SIT HOMEWORK ก่อนวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
.
” ทองคำเน้น Short ดอลลาร์เน้น L ” เป็นแผนที่ดูจากกราฟสินค้าของตลาดไทยเท่านั้น
ไม่สนใจกราฟโลก เพราะผมสอนว่า เราเทรดสินค้าใดให้สนใจแค่สินค้านั้น ไม่ต้องไปสนใจสินค้าอื่น
.
จากแผนของทองคำไทย GOM23 ผมจึงให้เน้นเล่นหน้า S และ ดอลลาร์ USDM23 เน้นเล่นหน้า L ก่อนหยุดยาว และอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้า ผมวิเคราะห์ ผมบอก และผมลงมือทำเป็นตัวอย่างให้ดูจริงๆ
.
ก่อนหยุดยาวผมจึงห่อหน้า Short ทองคำ GOM23 ข้ามมา 50 สัญญา ตามแผนที่ผมได้บอก ตามแผนการเทรดและความเสี่ยงที่ผมรับได้
.
ผมใช้ระบบเทรด Bird Theory และ Mindset สแกนหุ้น ในการวิเคราะห์และวางแผนรับความเสี่ยงของผม
.
แม้วันที่ 13-14 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทองคำและดอลลาร์ในตลาดโลกที่ทำการอยู่จะผันผวน ขึ้นแรงและลงแรง ก็ไม่มีผลอะไรกับผม เพราะผมไม่ได้เทรดสินค้าในตลาดโลก ผมเทรดสินค้าตลาดไทย และตลาดไทยปิด เราไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว เราแค่ต้องรอตลาดไทยเปิดถึงจะลงมือทำอะไรได้
.
ดังนั้น จะกังวลไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เราวางแผนการเทรดด้วยกราฟไหนใช้แผนในกราฟสินค้านั้น .
เราวางแผนไว้ใช้ เห็นโอกาสและความเสี่ยงแล้ว และเมื่อตัดสินใจแอคชั่นไปแล้ว เราก็ต้องทำตามระบบอย่างมีวินัย อีกทั้งเมื่อห่อข้ามหยุดยาว เรารู้ความเสี่ยงตั้งแต่ต้น เมื่อเราแอคชั่นไปแล้ว เราก็ต้องรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้ นี่แหละ ถึงจะเรียกว่า ” ไร้ใจ ”
.
ตอนนี้ผมก็แค่รอ รอให้ถึงวันจันทร์นี้ 17 เมษายน 2566 ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการอีกครั้ง
ถ้าเปิดมาแล้วมีกำไร ผมก็แค่ตั้งจุดล็อคกำไรเอาไว้ ถ้าเปิดมาแล้วขาดทุน ผมก็แค่สต็อปลอสตามจุดที่กำหนดไว้ แค่นั้นเอง ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องของ “การเทรดตามระบบแบบไร้ใจ” .
.
#อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ
#เงินอยู่ในหัวจะกลัวอะไร
#เบิร์ดสแกนหุ้น