#แนวคิดล็อคกำไร #ไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน แบบ #เบิร์ดสแกนหุ้น
.
ก่อนการลงทุนทุกครั้ง ผมจะย้ำเสมอว่าเราต้องมี
#แนวรับ #แนวต้าน #เป้าหมาย #จุดสต็อปลอส
ก่อนการลงทุนทุกครั้งเสมอ กำหนดแผนการให้ชัด จะได้รู้ความเสี่ยงและโอกาสกำไร
ในแผนการลงทุนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนลงทุนแล้วต้องการกำไรมากไว้ก่อน
ทุกคนอยากได้กำไรมากกว่าขาดทุนเสมออยู่แล้ว
.
#แต่ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่าการลงทุนของคุณนั้นจะได้กำไรแน่นอน
#แต่ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่าราคาจะไปหาเป้าหมายแน่นอน
#แต่ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่าราคาจะไม่มีการแกว่งตัวก่อนไปหาเป้าหมาย
#แต่ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่าราคาจะไม่หลุดแนวรับลงมาแล้วรูดยาว
.
#สิ่งที่เราทำได้คือคาดการณ์แนวโน้มความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น จากกราฟที่เกิดขึ้นจริงมีโอกาสไปทางไหนมากกว่ากันไม่ใช่มโน สิ่งนี้จะทำให้เราอยู่ฝั่งที่ถูกต้องมากกว่าฝั่งที่ผิดทำให้มีโอกาสกำไรมากกว่า
.
อีกทั้งหากเรามี mindset ที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วยแล้ว
“เราจะยิ่งมีโอกาสอยู่รอดและกำไรจากตลาดทุนได้มากขึ้น”
.
ทำให้ผมมี mindset ” ไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน “
mindset นี้ #ทำให้ผมอยู่รอดในตลาดทุนมาได้จนวันนี้ อาจจะได้มากบ้างน้อยบ้าง
แต่ก็ยังได้และกำไร
.
แต่หลายคนไม่ใช่ หวังว่าจะซื้อแล้วขายที่เป้าหมายเท่านั้น
แต่คุณไม่โชคดีได้ทุกครั้งเสมอไปแค่ครั้งเดียวที่คุณพลาด
จากกำไรปล่อยให้กลายเป็นขาดทุนแล้วคุณยังหวังเป้าไม่ยอมขาย
#หลายคนหลายครั้งราคากำไรกลายเป็นขาดทุนแล้วไหลลงลึกไปมากขึ้นและมากขึ้น
จนสุดท้ายทำให้พอร์ทคุณเสียหายหนักจนเกินจะรับไหว จนไม่รู้จะทำยังไงต่อดี ….
.
#ยกตัวอย่างจากในรูป
.
ผมวางแผนการเทรดเอาไว้ แนวรับ 100 แนวต้าน 120 และ 140 สต็อปลอส 96
จากแผนเห็นได้ชัดว่า โอกาสกำไร RR คุ้ม โดนแค่ 4 มีโอกาสกำไร 20 ถึง 40
ผมก็เข้าเทรดตามแผน ซื้อหุ้น หรือ เปิด Long ในฟิวเจอร์ จะเปรียบกับสินค้าใดก็ได้แล้วแต่คุณ
.
จากนั้นราคาจาก 100 ขึ้นไป ได้แค่ 110 แล้วไปต่อไม่ไหว ไปหา 120 ไม่ได้หมดแรงเสียก่อน
แล้วราคาก็ค่อยๆ ย่อลงมาเรื่อยๆ จนมาใกล้ทุนของผมที่ 101
.
คำถาม คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ….
– ราคามันจะลงมาไม่ถึงทุนคุณ
– ราคามันแค่ย่อมาแล้วก็จะเด้งกลับไปหา 120 ใหม่แน่ๆ
– ราคามันไม่หลุดแนวรับ 100 ที่เป็นทุนของคุณแน่นอน
– ราคามันไม่มีทางต่ำกว่านี้แล้วแน่นอน ล้าน %
– ราคาถ้าหลุดไปแล้วมันจะกลับมาอีกไม่ลงลึกยาวไปเลย
.
คำตอบ ใครจะกล้าการันตีก็กล้าไป แต่จากประสบการณ์มากกว่าสิบปีของผมในตลาดหุ้น
มันการันตีกันไม่ได้ ว่าจะเกิดสิ่งนั้นแน่นอนไม่ผิดพลาด แต่เราจำกัดความผิดพลาดได้เสมอ
.
ดังนั้น หากราคาย่อลงมา ผมจะไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
ผมได้เงินแล้ว ผมหยิบเข้ากระเป๋าก่อนดีกว่า ได้แน่ ได้ชัวร์ ไม่ต้องรอ
.
ต่อให้เหลือกำไรแค่ 1 บาท หรือ 1 จุด ผมก็เอาไว้ก่อน
.
#เป็นคุณจะเลือกอะไร ระหว่าง กำไร 1 จุด หรือ ขาดทุน 1 จุด ???
.
#ผมเลือกกำไร 1 จุด เพราะมันคือกำไร จะ 1 จุด หรือ 10 จุด ก็กำไรเอาไว้ก่อน ดีกว่าขาดทุนแน่ๆ
.
#นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดจากคนที่เทรดในตลาดจริงๆ ไม่ใช่เล่นปากเปล่า
และผมก็ทำแบบนี้เสมอ ผมเองก็อยากได้กำไรมากๆ อยากขายที่เป้าหมายทุกครั้ง
แต่อะไรจะมาการันตีให้กับเราได้ขนาดนั้น มันไม่มีใครการันตีให้คุณได้
ผมจึงไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน 1 จุดก็เอาไว้ก่อน ดีกว่าเสีย
.
ซึ่งผมจะตั้งสต็อปลอสไว้ที่ 4 จุดเสมอๆ เป็นแบบพื้นฐานปกติ
เพราะ 4 จุด นั้น คือ #ความเสียหายที่ผมรับได้ และ #เอาคืนจากระบบเทรด Bird Theory ได้ไม่ยาก
.
ดังนั้น บางครั้ง ผมอาจจะวางแผนการเทรดแล้ว แต่ได้กำไร 1 จุด ในขณะที่เผื่อสต็อปลอสไว้ 4 จุด ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ไม่ใช่สาระอะไรเลย เพราะผมมีแนวคิดจากข้างต้น
.
ผมวางแผนการเทรด และเทรดในตลาดจริงๆ ลงเงินจริงๆ ในการเทรด
สุดท้าย ผมกำไร 1 จุด ก็ยังดีกว่าผมขาดทุน 1 จุด เพราะยังรอดและกำไร
.
#เอาไว้จังหวะตลาดเป็นใจ และโอกาสเหมาะ ผมค่อยเอากำไรตามเป้าหมาย 10 20 50 100 เท่าไหร่ก็ได้ ถ้าตลาดและจังหวะเป็นใจ ผมย่อมอยากได้กำไรที่มากกว่า 1 จุดอยุ่แล้ว
.
#แต่กี่คนแล้วล่ะ หรือถามตัวคุณเอง หรือคนใกล้ตัวคุณก็ได้
กี่ครั้งแล้วที่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน กำไร 1 จุด หรือ 1 ช่อง ไม่เอา
แล้วราคาไหลจนขาดทุน 1 ช่อง 1 จุด แล้วมากขึ้น เป็น 10 เป็น 100
หรือสุดท้ายหุ้นหรือสินค้านั้นยังคาพอร์ทอยู่ทุกวันนี้
จากกำไรกลายเป็นขาดทุนที่ทำใจคัทไม่ลง แล้วบอกตัวเองว่าลงทุนวีไอ(จำเป็น)
.
#นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากตลาดจริงๆ จากการเทรดจริงๆ และลงเงินจริงๆ
ยิ่งหากคุณลงทุนจำนวนเงินที่มากด้วยแล้ว เช่น ลงทุนซื้อหุ้นครั้งละหลักสิบล้านบาท หรือ
เทรดฟิวเจอร์ทีละ 100-400 สัญญา มูลค่าเทียบแล้วอาจจะหลักสิบล้านหลักร้อยล้านบาท
.
1 จุด หรือ 1 ช่องนั้น คือ เงินจำนวนหลักแสนก็เป็นได้
ดังนั้น กำไร 1 ช่อง ก็ยังดีกว่า ขาดทุน 1 ช่อง
.
ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่ผมวางแผนสต็อปลอส 4 จุด หรือ 4 ช่อง
แล้วผมวางแผนกำไร 10-20 จุด/ช่อง แต่ตลาดไม่อำนวย
ทำให้ผมได้กำไร 1 ช่องผมก็เอาไว้ก่อน
แต่ผมก็ยินดีที่กำไร 1 จุดหรือ 1 ช่องนั้น
.
#เพราะหลายครั้งถ้าผมไม่เอา 1 จุด หรือ 1 ช่องนั้น
ผมอาจจะโดนเป็น 10 หรือ 20 จุด/ช่อง ให้ขาดทุนหนักก็ได้
.
ผมได้กำไร 1 จุด/ช่อง ก็กำไร เอาทุนและกำไรไว้เล่นใหม่รอบหน้าก็ยังได้
ดีกว่าคนที่หวังกำไรมากๆ แล้วดูถูก 1 จุด/ช่องนั้น แล้วขาดทุนจนเงินจมทำอะไรไม่ได้
จะคัทก็หนักเกินจะรับไหว จะถือก็ผิดแผนตั้งแต่แรกแล้วปลอบใจตนเองว่าลงทุนอยู่
.
ประสบการณ์มันสอนเราครับ ผมเองก็เรียนรู้จากตลาดมาแบบนี้มากกว่า 10 ปี
ทำให้ผมมี #mindset การลงทุนแบบนี้ อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ทำให้ผมอยู่รอดได้มาจนถึงทุกวันนี้ และทำให้ลูกศิษย์ #SIT CLASS ที่ทำตาม mindset ที่ผมสอน เราอยู่รอดได้เช่นกัน
.
ทั้งหมดนี่ คือ แนวคิดล็อคกำไร ไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน ของผม
.
#อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ
#เงินอยู่ในหัวจะกลัวอะไร
#เบิร์ดสแกนหุ้น