ชีวิตคือการลงทุน
.
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะลงทุนกับชีวิต เพื่อมุ่งไปยังเป้าหมายได้
.
ชีวิตผมเริ่มต้นก็ไม่ได้เกิดในฐานะร่ำรวย กลับกันผมเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจนด้วยซ้ำ
.
ครอบครัวทำอาชีพขายของตามตลาดนัดหน้าโรงงานอุตสาหกรรม กางเต๊นท์ขายไปเรื่อย
ทำงานหาเช้า กินมืด พ่อแม่ไปทำงาน ผมเรียนกลับมาหางานพิเศษทำ ทำการบ้าน ทำงานบ้าน แล้วรอจัดของไปขายวันรุ่งขึ้น
.
ตั้งแต่เด็กผมตั้งเป้าหมายแต่เด็กว่า หลัง 40 ผมต้องมั่นคง ไม่ต้องมาดิ้นรน อดมื้อกินมื้อเหมือนตอนนี้
.
ดังนั้นในตอนแรกที่ผมไม่มีต้นทุนอะไรเลยในชีวิต สิ่งที่ผมจะลงทุนในอันดับแรก คือ ความรู้
.
ผมเริ่มลงทุนความรู้ ไม่ใช่ความรู้ตามตำราเรียน แต่เป็นความรู้ว่าทำอะไรแล้วได้เงิน และจะต่อยอดเงินอย่างไร
.
ไม่ว่าจะเป็นเก็บขยะลังกระดาษตามกองขยะเอาไปชั่งกิโลขาย
ไม่ว่าจะเป็นเล่นลูกแก้วกินให้ชนะแล้วเอามาขายมือสองถูกกว่ามือหนึ่ง
ไม่ว่าจะไปทำงานบ้านตามบ้านเพื่อนเพื่อแลกขนมหรือข้าวแต่ละมื้อ
ไม่ว่าจะรับจ้างแต่งกลอน ทำงานฝีมือ และอื่นๆ อีกมากมาย
.
เมื่อลงทุนที่ความรู้จนมีเงินเก็บ ผมก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ
.
ลงทุนความรู้เพื่อสร้างพื้นฐานในชีวิตให้แข็งแกร่งมากขึ้น มีทางออก ทางเลือกมากขึ้น
.
จากนั้นก็ลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสด
.
กระแสเงินสดสำคัญมาก เพราะจะทำให้เรามีเงินทุนหมุนเวียน หมุนเงิน จับจ่ายใช้สอย แบ่งไปลงทุน เก็บออม
.
จากนั้นก็ลงทุนสร้างสินทรัพย์และทรัพย์สิน
.
เพื่อสร้างสิ่งของของเราที่สามารถเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ของแต่งบ้าน รถยนต์ นาฬิกา เสื้อผ้า ประกันชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อประกันความเสี่ยงลดความเสี่ยงในชีวิต
.
จากนั้นก็ลงทุนสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
.
เพื่อสร้างรายได้ประจำที่คงที่สม่ำเสมอ อย่างบ้านเช่า หอพัก ห้องพักต่างๆ ซึ่งมีไว้หลายร้อยห้อง หลายที่ รายได้จากค่าเช่าเดือนหนึ่งหลายแสนร่วมล้าน
.
เพื่อที่ว่า หากสถานการณ์ไม่ดี รายได้จากการสร้างกระแสเงินสดลดลง ผมก็ยังมีรายได้จากค่าเช่าเลี้ยงดูตัวเองได้ ออมได้ ส่งประกันได้
.
เมื่อเราลงทุนจนครบถ้วนตามลำดับได้ดังนี้
.
ลงทุน ความรู้ สร้างกระแสเงินสด สินทรัพย์ ทรัพย์สิน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แล้วชีวิตก็จะถึงเป้าหมายหลังอายุ 40 ตามตั้งใจ
.
ดังนั้นแล้ว ชีวิตคือการลงทุน และการลงทุนในความรู้สำคัญที่สุด เพื่อที่เราจะได้เดินทางไปยังเป้าหมาย
.
ผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤติทุกวิกฤติไปได้ครับ