รู้จักสแกนหุ้น

ผู้ก่อตั้งเพจ นายจักรพล ทองเจริญ (อ.เบิร์ด สแกนหุ้น) EST. March 2013

ทุกท่านที่ติดตามเพจสแกนหุ้นและได้เข้ามาถึงตรงนี้ ส่วนใหญ่อาจจะรู้จักผมอยู่แล้ว แต่ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผม “เบิร์ด” เจ้าของเพจสแกนหุ้น ผมเริ่มเข้าตลาดทุนมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เชื่อมั้ยครับว่าช่วงแรกๆ คนรอบข้างผมไม่มีใครเห็นด้วยเลย ขนาดเพื่อนยังมองว่าผมไปไม่รอดในตลาดทุนแน่ๆ แต่ด้วยความที่ผมไม่ยอมแพ้ ถึก ทน อยากศึกษาอะไรต้องไปให้สุดจนกว่าผมจะพอใจหรือไม่ไหวไปเอง มันจึงทำให้ผมได้มายืนอยู่จุดนี้ ที่ผมต้องเล่าว่าคนรอบข้างไม่เห็นด้วย เพราะนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงตัดสินใจสร้างเพจสแกนหุ้นนี้ขึ้นมา ผมไม่มีใครคอยพูดคุย คอยปรึกษา คอยแลกเปลี่ยน ผมจึงตั้งเพจขึ้น เหมือนเป็นการจดบันทึก จดไดอารี เกี่ยวกับการเล่นหุ้นของตัวเอง และยังเป็นที่ที่คนสนใจเรื่องกราฟเทคนิคอลมาพูดคุยมาแลกเปลี่ยนกับผมด้วย

ประสบการณ์การเล่นหุ้นที่ผมไม่เคยลืมและเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผม

คือการที่ผมใช้ “หู” ในการเล่นหุ้น ต้องยอมรับว่าเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ระบบการเทรดของผมยังไม่แข็งแกร่งเหมือนปัจจุบัน มันจึงทำให้ผมฟังเพื่อน ฟังคนรู้จัก ผมมั่นใจในการเล่นหุ้นครั้งนั้นเป็นอย่างมาก และนั่นก็นำมาซึ่งบทเรียนราคาแพง ผลสุดท้ายการฟังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการเทรดหุ้นของผม ผมได้สูญเงินในพอร์ตที่สะสมมาเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ไปเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 15.6 ล้านบาท ในวันเดียว ความเจ็บปวดในตอนนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมยังจำมันได้ดีและจะไม่มีทางลืม

หลังจากเหตุการณ์นั้นผมจึงได้มานั่งทบทวนตนเองและด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ยอมแพ้ ผมจึงกลับไปศึกษาเรื่องกราฟเทคนิคแบบจริงจังอีกครั้ง และได้คิดระบบการเทรดของตัวเองขึ้น ได้ทดลอง ลองผิดลองถูก พัฒนา ต่อยอด มาจนถึงปัจจุบัน จนเกิดระบบเทรดเป็นของตัวเอง ผมเรียกระบบนี้ว่า

“Bird Theory”

ว่าด้วยเรื่องของ SIT Class ที่สอน Bird Theory

ระบบการเทรดของผมท่านสามารถมาเรียนรู้กับผมได้ใน Stock Investment Technical Exclusive Class (SIT Class) คลาสนี้ผมขอยกเครดิตให้ ดร.กุลภัทร กมล หรือเรียกเธอว่า นกยูง ก็ได้ ว่าที่ภรรยาของผมเอง ที่เป็นคนลากผมออกมาจากกรอบและก่อตั้งคลาสนี้ขึ้นมา
ในตอนแรกที่เธอนั้นได้มาเชิญผม ผมก็ปฏิเสธในทันควัน…..

ผมต้องขอเล่าย้อนภูมิของผมสักเล็กน้อยนะครับ เมื่อสมัยก่อนผมเองก็เป็นครอบครัวหนึ่งที่ยากจนมาก พ่อแม่ขายของตามตลาดนัดหน้าโรงงานและเร่ขายไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นงานบ้านต่าง ๆ ผมต้องทำเองหมด หลังจากเรียนเสร็จผมก็ต้องช่วยพ่อแม่เตรียมของเพื่อขายในวันถัดไป ผมเดินไปเรียนหลายกิโล เพื่อประหยัดเงิน ในระหว่างทางเดินกลับจากโรงเรียน ผมก็เก็บกล่องกระดาษตามทาง สะสมเอาไว้ชั่งขายในวันหยุด ในเวลาว่างจากเรียนและช่วยงานของพ่อแม่ ผมก็ไปเสนอตัวกับเพื่อน คนรู้จัก ช่วยงานบ้านเขาเพื่อแลกข้าวให้ได้กิน เกมให้ได้เล่น

จากที่ผมเล่ามาข้างต้นเป็นแค่เสี้ยวเดียวในชีวิตอดีตของผม สิ่งเหล่านั้นได้หลอมรวมจนทำให้ผมติดนิสัย ทำอะไรด้วยตัวเองและทำให้เกิดความคิดที่ว่า ถ้าพยายามทำด้วยตัวเองแล้วมันทำได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น

พอผมมาเริ่มเล่นหุ้น ผมก็จะศึกษาค้นคว้าข้อมูล ฝึกฝนมันด้วยตัวเอง เปิดพอร์ตผมก็เดินเข้าไปหาโบรคเกอร์เขาก็แนะนำ เตรียมเอกสารจนเปิดได้ ข้อมูลหุ้นต่าง ๆ ผมก็หาใน Google ค้นหาทุกอย่างที่เกี่ยวกับหุ้น อ่านไปเรื่อย ๆ จนผมเป็นผมถึงทุกวันนี้ และก็คิดมาตลอดว่าเราศึกษาเองก็ได้ ไม่ต้องไปลงเรียนหรอก

จนกระทั่งว่าที่ภรรยาผม ได้มาพูดคุยกับผมอย่างจริงจังและคำพูดของเธอผมจำได้ไม่ลืม

“คนเราไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ถนัดทุกเรื่อง แม้จะพยายามแล้วก็ใช่ว่าที่ทำได้จะทำได้ดีที่สุด
หากเราพยายามเรียนรู้พื้นฐานได้ดีแล้ว เราไปหาที่เรียนเพื่อจะต่อยอดให้เราได้ดีกว่าเดิมก็ได้
เหมือนอย่างเราเข้าโรงเรียนจนจบมหาวิทยาลัย เราอ่านเองได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่าเข้าเรียน
เพราะคนเราเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน”

คำว่า “เพราะคนเราเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน” มันเหมือนดังก้องในหูผมซ้ำ ๆ ………..ผมเถียงไม่ออกเลย ยิ่งโลกทุกวันนี้เปิดกว้างมากขึ้น วิชาความรู้หลากหลายมากขึ้น ความรู้มีมากมายหลายแขนง ศึกษาเองคงไม่มีหมด คงไม่ทันในชั่วชีวิตหนึ่ง

เมื่อก่อนผมมักคิดว่าไปเรียนคอร์สทำไม ทำไมไม่ศึกษาเอง แต่ผมลืมคิดไปว่าเขาอาจจะศึกษาพื้นฐานมาแล้ว แต่เค้าอยากได้ความรู้ต่อยอดมากขึ้น และเขาอยากเรียนรู้ได้ไวขึ้น เขาเสียเงินเรียนเพื่อซื้อเวลาที่ซื้อไม่ได้….. ใช่ครับ แท้จริงแล้ว เงินที่ลงคอร์สเรียนแลกเวลาที่จะต้องเสียไป เพื่อให้ได้ความรู้ที่ไวขึ้น ได้ความเห็นคนสอนเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมา ผมอีโก้และอคติกับการลงคอร์สเรียนมากเกินไปจริง ๆ พอผมคิดได้แบบนั้น ผมรู้สึกผิดมาก ๆ และอยากจะบอกว่า

“ผมขอโทษครับที่คิดและอคติการลงคอร์สเรียน ผมขอโทษจากใจจริง ครับ”

และครูที่สอนบทเรียน “เพราะคนเราเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน” ก็คือว่าที่ภรรยาของผม ผมจึงขอยกเครดิตทั้งหมดของ SIT Class ให้กับเธอ ถ้าไม่มีคำพูดเธอวันนั้น คงไม่มี SIT Class ในวันนี้ ขอบคุณจากใจนะครับ

About “Bird Theory”

สำหรับระบบเทรดของผม Bird Theory ขณะนี้ได้มีการจดลิขสิทธิ์ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว การเข้ามาเรียนใน SIT Class ท่านจะได้รับบทเรียนจากประสบการณ์การเทรดของผมที่ผมสั่งสมมาเป็นเวลานับ 10 ปี ผมจะให้ Mindset ทริค เทคนิค การดูจุดเข้า-ออก และอื่น ๆ

“ผมไม่สอนเนื้อหาที่สามารถหาอ่านได้ใน Internet ใครอยากรู้แค่นั้นไม่จำเป็นต้องมาเจอกันให้เสียเงินทอง คุณหาอ่านใน Internet ได้ฟรี ๆ คิดไม่ออกบอก Google เลยครับ ผมสอนความคิดและเทคนิคส่วนตัวที่ผมใช้อยู่จริง ๆ เท่านั้น และคุณจะไม่พบทฤษฎี หุ้นไหนในโลกนี้ที่เหมือนของผมเพราะผมเป็นคนคิดค้นและพัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้นมาเอง”

เรารู้จักกันมาพอสมควร ผมขอทิ้งท้ายอีกสักนิด

หากท่านได้อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้จักผมขึ้นในระดับนึง สิ่งที่ผมได้บรรยายให้ท่านได้อ่านกัน บางอย่างก็ดูน่าสนใจ บางอย่างอ่านแล้วก็อาจน่าเบื่อ แต่ทุกอย่างที่ผมได้เขียนลงไปมันสัมพันธ์กันหมดและมันก็เป็นเบ้าหลอมที่ทำให้ผมเป็นผมได้ถึงทุกวันนี้

ความสุขในวัย 40 ของผมคือสามารถเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ สามารถทำให้ครอบครัวอยู่ได้สุขสบายจากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง และเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ผมยังคงเปิด SIT Class ต่อไป คือในข้อความที่ลูกศิษย์ส่งหาผม จะมีการส่งกำไรที่ได้จากการเทรดด้วยระบบเทรดของผม ได้ทำให้ลูกศิษย์ของผมมีกำไร ได้เลี้ยงชีพตนเอง ได้เลี้ยงครอบครัว และอยู่รอดในตลาดทุนด้วยความรู้ที่ได้จากผมไป นี่แหละคือความสุขสูงสุดจากคนที่เป็นอาจารย์ได้รับจากลูกศิษย์

ขอให้ทุกท่านโชคดี อยู่รอดในตลาดทุน
เราจะเติบโตไปด้วยกัน
เบิร์ด เจ้าของเพจสแกนหุ้น