เป้าหมายในชีวิตที่แท้จริงคืออะไร ???
อยากให้อ่านให้จบครับ
ตั้งแต่วัยเด็กที่ผมจำความได้ ครอบครัวผมยากจน และไม่ได้อบอุ่นสักเท่าไหร่
พื้นฐานครอบครัวมีอาชีพกางเต๊นท์ขายของตามตลาดนัดหน้าโรงงานอุตสาหกรรมย่านสมุทรปราการ ตั้งแต่สมัยก่อนเกิดถนนเส้นบูรพาวิถีเสียอีก
พ่อแม่ ต้องออกจากบ้านไปตั้งแต่ ตี 4-5 เพื่อขับรถจากชลบุรีไปเตรียมกางเต๊นท์จัดร้านกลางแจ้ง เจอฝนบ้าง เจอไล่ที่บ้าง แย่งที่กันบ้าง จัดของเสร็จฝนมา ขนของหนีฝน หนีทันก็ดีไป หนีไม่ทันของก็เสียหาย เพราะขายของใช้และเสื้อผ้า ตากฝน ลุยน้ำ ลุยโคลน กันเป็นเรื่องปกติ บางทีจัดของขึ้นรถไม่ทันไม่มีที่นั่งในรถ ก้ต้องนั่งบนหลังคารถ ตากฝนตั้งแต่สมุทรปรการย่านบางพลี จนถึงบ้านชลบุรีก็หลายครั้ง
กว่าจะถึงบ้านกันก็ 4-5 ทุ่ม ถึงบ้านก็เก็บของ จัดของเตรียมขายวันรุ่งขึ้นถัดไป เป็นแบบนี้วนเวียนเป็นประจำ ตั้งแต่จำความได้ เล็กจนโต
วันที่มีเรียนผมก็ไปเรียน กลับมาก็ทำงานบ้าน หารายได้พิเศษ เก็บขยะขาย รับจ้างทำงานตามบ้านเพื่อนเพื่อ แลกข้าว แลกขนม แลกเกมเล่น
วันไหนไม่ไปเรียนก็ไปช่วยพ่อกับแม่ขายของแบบนี้เสมอ
ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยมีวันหยุด ไม่เรียนก็ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์
ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานสร้างตัวไม่มีวันหยุด 7 วันต่อสัปดาห์
ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาโดยตลอด
ทำให้ตั้งแต่วัยเด็กผมคิดว่า ถ้าผมมีเงิน ถ้าผมรวยมากกว่าทุกวันนี้ ผมคงมีชีวิตที่สบายขึ้น ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ ผมคงจะมีความสุขมากกว่านี้ เพราะไม่ต้องพยายามหาเงิน เพื่อเลี้ยงดูชีวิตและครอบครัว
ผมเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เห็นว่า เงิน คือ สิ่งสำคัญมาก เพราะเมื่อขาดเงินเดี๋ยวปัญหาอื่น ๆ ก็จะตามมา ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องช็อปปิ้งหรอก แค่คิดว่าจะไม่มีกิน ไม่พอกิน เจ็บป่วยไม่มีเงินไปหาหมอ จะเรียนไม่มีเงินค่าเทอม จะซื้ออุปกรณ์การเรียนเงินไม่พอ กู้หนี้ยืมสินยิ่งทำให้เสี่ยงอันตรายมากยิ่งขึ้น
ผมคิดว่า ถ้ามีเงินจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้และทำให้ผมเจอสิ่งที่ใช่
ผมจึงทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาตลอดชีวิต โดยไม่มีวันหยุด ทำงาน 7 สัปดาห์ต่อวัน วันนึงไม่ต่ำกว่า 17-18 ชม นอนวันละ 6 ชม ก็ถือว่าเยอะแล้ว
จนเมื่อผมได้มาพบตลาดหุ้น ผมเริ่มหาเงินได้มากขึ้นจากการเทรด จากเงินสามแสน มีเป็นสิบล้าน พร้อมกับทำงานทุกอย่างไปด้วย ไม่มีวันหยุดเหมือนเดิม
ทั้งทำ บริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ อสังหา และอีกหลายอย่าง ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นมาก เลี้ยงดูครอบครัว ดูแลรายจ่าย ได้ทุกคนในครอบครัว แต่ผมก็ยังไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องทำงานทุกวันเหมือนเดิม
ไม่เคยมีวันหยุด จะไปไหนก็ห่วงงาน ห่วงหน้าพะวงหลัง จะพักก็ไม่สบายใจมีห่วง จะไปไหนก็ห่วงว่าจะมีปัญหาเรื่องงานตามมาไหม
ทำให้ผมเริ่มคิดว่าทำไมมีเงินมากกว่าวัยเด็กมากมหาศาลแล้ว
ผมยังไม่เห็นสบายอย่างที่คิด
ผมยังไม่มีความสุขเท่าที่คิด
ผมยังไม่มีวันหยุดแบบที่คิด
ผมยังต้องวนเวียนใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม
หรือว่า แค่มีเงินมากขึ้นไม่ได้ตอบโจทย์ที่ต้องการในชีวิต ?
เพราะยังไม่เจอไม่ใช่ความสุขความสบายแบบที่เคยคิดไว้
ผมเลยถามตัวเองใหม่ ว่านอกจากเงินที่ทำให้ใช้ชีวิตได้ปลอดภัยและสบายมากขึ้นทุกวันนี้ แท้จริงแล้วผมต้องการอะไรกันแน่ ?
นอกจากเงินที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ก็ไม่เห็นเจอสิ่งที่ต้องการ….
ผมให้เวลากับตัวเองอยู่พักใหญ่ จนในที่สุด ผมเจอคำตอบที่ผมค้นหา !!
นั่นคือ ผมไม่ได้ต้องการรวยแต่ผมต้องการสบาย !!!
ใช่ #ผมแค่อยากสบายผมไม่ได้อยากรวยเป็นร้อยเป็นพันล้าน !!!
เพราะตอนมีเงินหมื่น ผมก็ต้องทำงานหนัก ไม่เคยได้สบาย ไม่เคยได้พัก
เพราะตอนนี้มีเงินหลายล้าน ผมก็ยังต้องทำงานหนัก ไม่เคยได้สบาย ไม่เคยได้พัก
ดังนั้น ต้นเหตุไม่ใช่ว่า อยากมีเงินเยอะเพื่อไปหาเป้าหมาย แต่ผมต้องการสบายเท่านั้น
ใช่แล้ว ผมทำทุกอย่างตั้งแต่จำความได้เพื่อที่ผมอยากสบายสักวัน !!
เมื่อผมคิดได้ ผมจึงเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด เพื่อไปหาเป้าหมาย คือ สบาย
#เมื่อก่อนผมก็เคยใช้รถตามกระแสสังคม ซื้อรถใหม่ เป็นว่าเล่น ขับพัง ขับชน คืนซากไปหลายคัน มันทำให้ต้องพยายามหาเงินเพิ่มเพื่อซื้อรถใหม่เรื่อย ๆ ผมจึงเลิก
#เมื่อก่อนผมอยากมีนาฬิกาหรูแบรนด์ไฮหลักแสนหลักล้าน จะได้ใส่เวลาเข้าสังคม แต่พอซื้อแล้ว ก็ไม่ได้ชอบจริง ๆ ไม่ได้อยากใส่ เอาไปลุยทำสวนพรวนดิน จนรอยเพียบ จนพังก็หลายเรือน สุดท้ายก็ทิ้งก็แจกไป ผมจึงเลิก
#เมื่อก่อนผมซื้อเพชรซื้อทองสนองความขาด ออกแบบสร้อยเส้นใหญ่ ใส่เพชรชื่อตัวเอง ใส่สร้อยทองฝังเพชรเส้นหนา ๆ ใส่เลสเพชรเส้นโต ๆ ใส่แหวนเพชร แหวนพลอยเต็มนิ้ว จนตระหนักได้ว่าใส่ไปไหนก็อันตราย และทำให้สายตาที่มองเรามีทั้งดีและแย่ ผมก็เลยเลิกใส่อะไรแบบนั้น
#เมื่อก่อนผมบ้าซื้อแบรนด์เนมเช่นกัน แบรนด์หรูดูดีต้องมี เผื่อเข้าสังคม ให้รู้เรามี บางทีก็เอาไว้อวดกันนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็เหนื่อย ต้องดูแลของ ต้องรักษา ต้องคอยอัพรุ่นใหม่ ๆ สุดท้ายรำคาญ เพราะรู้สึกไม่ใช่ ยัดใส่ตู้ หรือแจกไปทั่ว เพราะไม่อยากได้แล้ว มันไม่ใช่
ผมเคยผ่านอะไรพวกนี้มาหมดแล้ว และผมรู้แล้วมันไม่ใช่ ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข หรือสบายที่แท้จริงเลย
ทุกวันนี้ผมจึงใช้ชีวิตง่าย ๆ ใส่อะไรก็ได้ที่อยากใส่ ทำอะไรก็ได้ให้ง่ายและสบายที่สุด แบบที่เราทำแล้วสุขแล้วสบายใจ ผมจึงเป้นผมทุกวันนี้ วันที่ไม่สนใจเปลือกหรือสังคมที่สนใจเปลือกใด ๆ
ใส่เสื้อผ้าตัวละร้อย รองเท้าคู่ละร้อย นาฬิกา G-SHOCK ลุยไหนก็ได้ รถก็ใช้ที่ดูแลง่าย ไม่ต้องอัปเดตออปชั่นใดใด สบายสุด ๆ
ผมพบแล้วว่า ความสุขของผม คือ สบาย
ผมจึงทำทุกอย่างให้ผมสบาย
บริษัทที่ทำ ก็ดิวกับ รายใหญ่ระดับประเทศ แบ่งเค้ก แบ่งกันทำงาน คุยกันให้ลงตัว ทำให้ผมสบาย
ทำอสังหา ก็ดิวกับ เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ ผมรักเพื่อนคนนี้มากที่สุดในชีวิตคนหนึ่ง เรียกว่าหุ้นส่วนชีวิตก็ได้ ให้เขาดูแลเรื่องอสังหา เพราะเขาเก่งและชำนาญ ผมแค่คอยเสริมหรือดูภาพรวม ทำให้ผมสบาย
บ้านเช่าหอพักหลายร้อยห้อง ก็ให้น้องสาวคนเดียวสุดที่รักดูแล ไม่ต้องห่วงเรื่องใด ๆ ผมไว้ใจน้องสาวมากที่สุดแล้ว เรียกว่ามีอะไรก็ให้เขาได้อยุ่แล้ว ทำให้ผมสบาย
เป็นที่ปรึกษา ผมก็ร่วมงานกับคนที่ทำงานเป็นมืออาชีพและพร้อมปรับตัวแก้ปัญหา และเดินหน้าไปพร้อมกัน ไม่ดื้อ ไม่ขี้โกง ไม่สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น เน้นทำตามแผนที่วางไว้ และปรับไปตามสถานการณ์ เพื่อมุ่งไปยังเป้าหมายที่วางแผนไว้ ทำให้ผมสบาย
และงานอื่น ๆ ก็เช่นกัน เน้นทำให้ผมสบาย
เมื่องานที่มีผมสบายแล้ว ผมก็แค่หาความสุขให้เจอ
แล้วไม่นานมานี้ ผมก็เจอแล้ว นั่นคือ การเป็นผู้แบ่งปันความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ เป็นครู หรือผู้สอน ที่ทุกวันนี้ผมทำอยู่นั่นเอง
#ผมเจอความสุขจากการสอนในคลาสSIT ได้เจอลูกศิษย์ ได้ช่วยเหลือ ได้ให้โอกาส ได้ให้ความรู้ ได้ให้ชีวิตใหม่กับลูกศิษย์ที่ได้เจอกัน ผมมีความสุขมาก ๆ
ยิ่งเห็นการเติบโตของลูกศิษย์ที่ส่งมาให้ดู
ยิ่งเห็นชีวิตและครอบครัวลูกศิษย์ที่ดีขึ้น
ยิ่งเห็นวิชาของเราทำให้คนอื่นสบายและมีอนาคตมากขึ้น
มันทำให้ผมมีความสุขมากยิ่งขึ้นที่วิชาที่ผมคิดค้นขึ้นมาสามารถสร้างประโยชน์และเปลี่ยนชีวิตให้คนอื่น ๆ ได้ มันทำให้ผมมีความสุขเป็นทวีคูณ
ทุกวันนี้ ผมรอเจอลูกศิษย์ อยากเจอ อยากสอน อยากถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ยอมรับว่าเหนื่อยนิดหน่อยนะ แต่ความสุขที่ได้กลับมามันมหาศาลมาก ๆ
สิ่งสำคัญที่สุดมันทำให้ผมรู้สึกว่า
#ผมมีประโยชน์กับสังคม
#ทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น
#การรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์กับสังคมกับลูกศิษย์
ผมจึงมีความสุขทุกวัน เพราะผมมีลูกศิษย์ให้สอนทุกวันนั่นเอง
ทุกวันนี้ผมได้สิ่งที่ผมต้องการครบแล้ว คือ ความสบายและความสุข
ผมหลงทางมานานหลายปีว่าการมีเงิน คือ ความสุข แต่ในที่สุดผมก็เจอคำตอบของชีวิตผมที่แท้จริง
ผมขอให้คุณเจอสิ่งที่คุณค้นหาเช่นกันครับ
.
#รักนะสแกนหุ้น #อย่าเชื่อผมจงเชื่อกราฟ #เงินอยู่ในหัวจะกลัวอะไร